อุณหภูมิสูง ค่าไฟก็สูง ติดฟิล์มกรองแสง ช่วยลดค่าไฟ

ในขณะนี้ประเทศไทยก็ได้เข้าสู่หน้าร้อนอย่างเต็มตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับใครที่ทำงานอยู่ที่บ้านอาจจะรู้สึกได้ว่าอากาศภายนอกและภายในบ้านนั้นร้อนเอามากๆ ทำให้อาจจะไม่มีกะจิตกะใจทำงานกันเลยทีเดียว รวมถึงแต่ละเดือนบิลค่าไฟก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆอย่างน่าตกใจ จึงมีคนมากมายออกมาพูดถึงเรื่องค่าไฟกันเยอะแยะในโลกโซเชียล

ซึ่งวันนี้ทางเราจะพาไปดูสาเหตุของค่าไฟที่พุ่งสูงขึ้น พร้อมกับวิธีปรับลดค่าไฟฟ้าและมาตราการจากภาครัฐในการ ช่วยลดค่าไฟ นอกจากนี้ยังมีวิธีที่ทำให้บ้านเย็นขึ้นได้โดยที่ไม่ต้องใช้ไฟเยอะมาแชร์และแบ่งปันกันอีกด้วย

ทำไมค่าไฟช่วงนี้ถึงแพงขึ้น

การที่ค่าไฟของแต่ละบ้านแพงขึ้นเกิดจากหลายปัจจัยด้วยกัน เนื่องจากเดือนมีนาคมเป็นเดือนที่เริ่มเข้าสู่หน้าร้อน ทำให้มีอากาศแตกต่างจากเดือนกุมภาพันธ์เป็นอย่างมาก เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆที่เราใช้ก็จะทำงานหนักเพิ่มขึ้น แถมหน่วยค่าไฟก็มีอัตราที่เพิ่มขึ้นอีก รวมถึงอัตราค่าไฟฟ้าที่การไฟฟ้าเรียกเก็บก็เป็นเรทแบบอัตราก้าวหน้า จึงกลายเป็นว่าช่วงนี้ยิ่งใช้ไฟฟ้าเยอะเท่าไหร่ก็จะยิ่งเรียกเก็บอัตราที่แพงขึ้นเท่านั้น

ตัวอย่างการคิดค่าไฟฟ้าแบบอัตราก้าวหน้า

กรณีใช้ไฟฟ้า 250 หน่วย
150 หน่วยแรก x 3.2484  =  487.26 บาท
100 หน่วยที่เหลือ x 4.2218  =  422.18 บาท
รวม  909.44  บาท

กรณีใช้ไฟฟ้า 1,000 หน่วย
150 หน่วยแรก x 3.2484  =  487.26 บาท
250 หน่วยถัดมา x 4.2218  =  1,055.45 บาท
600 หน่วยที่เหลือ x 4.4217  = 2,653.02 บาท
รวม  4,195.73  บาท

มาตรการลดค่าไฟเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ปี 2563

1. ประเภทที่ 1

คนที่ใช้ไฟฟ้าน้อย มีมิเตอร์ไฟฟ้าไม่เกิน 5 แอมป์ ให้ใช้ไฟฟ้าฟรี 150 หน่วย จากเดิมให้ใช้ฟรี 90 หน่วย

2. ประเภทที่ 2

คนที่ใช้ไฟฟ้าปานกลาง มีมิเตอร์ไฟฟ้าเกิน 5 แอมป์ ทางรัฐฯจะ ช่วยลดค่าไฟ ส่วนเกินจากเดือนกุมภาพันธ์ ใน 3 อัตราคือ

กลุ่ม 1 ใช้ไฟฟ้าเดือนมีนาคม ไม่เกิน 800 หน่วย จะจ่ายค่าไฟเท่ากับเดือนกุมภาพันธ์ ทางรัฐฯออกส่วนต่างที่เกินจากเดือนกุมภาพันธ์ให้ ไม่เกิน 800 หน่วย ตัวอย่างคือ เดือนกุมภาพันธ์ ใช้ไฟฟ้า 700 หน่วย เดือนมีนาคมใช้ไฟฟ้า 790 หน่วย 90 หน่วยที่เกินมายกให้ฟรี

กลุ่มที่ 2 ใช้ไฟฟ้าเดือนมีนาคม เกิน 800 หน่วยแต่ไม่เกิน 3,000 หน่วย กลุ่มนี้จะลดส่วนที่เกินจากเดือนกุมภาพันธ์ให้ 50 % ตัวอย่าง เดือนกุมภาพันธ์ใช้ไฟฟ้า 700 หน่วย เดือนมีนาคมใช้ไฟฟ้า 900 หน่วย จะจ่ายค่าไฟเท่ากับเดือนกุมภาฯ รวมกับ 200 หน่วยถัดมาที่ลด 50 %

กลุ่มที่ 3 ใช้ไฟฟ้าเดือนมีนาคม เกินกว่า 3,000 หน่วย กลุ่มนี้จะลดส่วนที่เกินจากเดือนกุมภาพันธ์ให้ 30 % ตัวอย่าง เดือนกุมภาพันธ์ใช้ไฟฟ้า 2,500 หน่วย เดือนมีนาคมใช้ไฟฟ้า 3,500 หน่วย จะจ่ายค่าไฟเท่ากับเดือนกุมภาฯ รวมกับ 1,000 หน่วยถัดมาที่ลด 30 %

ติดฟิล์มกรองแสง ช่วยลดบ้านร้อนและป้องกันแสงแดด

ทุกวันนี้ประเทศไทยมีอากาศร้อนอบอ้าวเป็นอย่างมาก ยิ่งช่วงเข้าหน้าร้อนอุณหภูมิก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นไปอีก ถ้าอยากจะเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำคลายร้อนทั้งวันก็คงจะเปลืองไฟน่าดู แต่ถ้าหากเรา ติดฟิล์มกรองแสง จะทำให้ความร้อนจากแสงอาทิตย์ทะลุผ่านกระจกเข้ามาในตัวบ้านลดลงเหลือแค่ 22 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

ซึ่งถือว่าลดลงจากเดิมมากเลยทีเดียว การ ติดฟิล์มกรองแสง จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีในการช่วยให้บ้านเย็นขึ้น ดังนั้นเรามาดูกันว่าประโยชน์จากการ ติดฟิล์มกรองแสง มีอะไรบ้าง ควรค่าแก่การติดมากหรือน้อยแค่ไหนกัน

1. ช่วยลดความร้อน ป้องกันรังสี UV – นอกจากลดความร้อนได้แล้ว ยังช่วยป้องกันรังสี UV ได้ถึง 99% ซึ่งหากติดผ้าม่านเพียงอย่างเดียว จะช่วยแค่กันแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านเข้ามาในตัวบ้าน แต่ถ้าติดฟิล์มกรองแสงด้วย ก็จะช่วยทั้งกันรังสีความร้อนและรังสี UV จากแสงอาทิตย์ได้ด้วย

2. ช่วยลดแสงจ้า ไม่แสบตา – ทำให้รู้สึกสบายตา ไม่เมื่อยล้าตา และช่วยผ่อนคลายความเครียดของดวงตาจากการที่แสงแดดจ้าส่องเข้ามาในตัวบ้านได้

3. ค่าไฟฟ้าลดลง ประหยัดพลังงานมากขึ้น – เมื่อติดฟิล์มกรองแสง ความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่ผ่านกจะจกเข้ามาในตัวบ้านก็จะลดลง ทำให้แอร์ทำงานน้อยลง ค่าไฟฟ้าก็ลดลงตามไปด้วย และช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าได้ด้วย แถมยังช่วยประหยัดพลังงานได้อีกทาง

4. สร้างความเป็นส่วนตัว ไม่บดบังทัศนียภาพ – ฟิล์มกรองแสงจะมีให้เลือกแบบที่คนจากด้านนอกไม่สามารถมองเห็นภายในบ้านได้ แต่คนภายในบ้านสามารถมองเห็นทัศนียภาพด้านนอกได้ ทำให้สามารถเพิ่มความเป็นส่วนตัว และยังไม่บดบังทัศนียภาพด้านนอกด้วย

5. ปลอดฝุ่น ปลอดเชื้อโรค – หากมีคนเป็นภูมิแพ้จากฝุ่นอาศัยในบ้าน การติดฟิล์มกรองแสงแทนการติดผ้าม่าน ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ เพราะจะทำความสะอาดฝุ่นที่กระจกได้ง่ายกว่าที่ผ้าม่าน ฝุ่นก็จะน้อยลง

ติดฟิล์มกรองแสง ที่บ้าน คอนโด แล้วลดค่าไฟได้อย่างไร

เมื่อหน้าต่างของคุณได้รับแสงอาทิตย์ จะมี 3 สิ่งที่เกิดขึ้นคือ 89% พลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ สามารถทะลุผ่านกระจกเข้ามาได้ และ 6% พลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ สะท้อนออกไปนอกกระจก ส่วนอีก 5% พลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ ถูกกระจกดูดซึมเอาไว้ นี่คือ 100% ของพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์

ที่ทำปฏิกิริยากับกระจกที่ไม่ติดฟิล์มกรองแสง ทำให้เกิดความร้อน และส่งผลให้การทำงานของเครื่องปรับอากาศมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับอุณหภูมิภายในห้อง

การ ติดฟิล์มกรองแสง ที่บ้านของคุณจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการประหยัดพลังงาน เมื่อติดตั้งฟิล์มกรองแสงเสร็จแล้วพลังงานแสงอาทิตย์จะส่องเข้ามาเพียง 22% เท่านั้น

จึงทำให้พลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์ 68% ไม่สามารถทะลุเข้ามาได้ ทำให้คุณสามารถลดการใช้ไฟฟ้า ได้มากเลยทีเดียว

สรุป

นี่จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่คุณจะช่วยให้คุณปกป้องบ้านจากแสงแดดได้ แถมยังช่วยลดค่าไฟในแต่ละเดือนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ฟิล์มกรองแสงคุณภาพสูง รับประกันสินค้า นาน 10 ปี