อยู่คอนโด ติดฟิล์มกรองแสง แบบไหนดี

ติดฟิล์มกรองแสง

เนื่องจากบ้านพักอาศัยในประเทศ มักอยู่รวมกันเป็นหมู่บ้าน มีตั้งแต่ทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด บ้านเดี่ยว อาคารพาณิชย์ ซึ่งส่วนใหญ่มีความสูง 2-4 ชั้น เราจึงควรเลือก ติดฟิล์มกรองแสง สำหรับบ้านเพื่อให้ความเป็นส่วนตัวสูง ผู้อาศัยสามารถมองเห็นทิวทัศน์ภายนอกได้ แต่บุคคลภายนอกไม่สามารถมองเข้ามาภายในตัวบ้านได้ ที่สำคัญต้องสามารถป้องกันความร้อน และรังสี UV ได้เป็นอย่างดี

ควรเลือกฟิล์มกรองแสงที่มีสีสันสวยงามเข้ากับบรรยากาศตัวบ้านหรือจะเลือกเป็นฟิล์มตกแต่ง เพื่อเพิ่มลูกเล่นความสวยงามให้กับบ้านก็ได้ ในปัจจุบันยังมีกลุ่มฟิล์มพิเศษอีกประเภทหนึ่ง นั่นคือ ฟิล์มนิรภัย ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมกันอย่างสูง ด้วยคุณสมบัติช่วยป้องกันการโจรกรรมให้บ้านได้เป็นอย่างดี

ทุกวันนี้คอนโดมิเนียมเป็นเทรนด์ใหม่ของการอยู่อาศัยสำหรับวิถีชีวิตคนเมือง ซึ่งพื้นที่เหล่านั้นมักตั้งอยู่ในโลเคชั่นที่สะดวกต่อการเดินทาง เนื่องจากคอนโดเป็นอาคารสูงจึงต้องปะทะกับแสงแดดอยู่เกือบทั้งวัน

สิ่งที่ควรคำนึงในการเลือกฟิล์มกรองแสงสำหรับคอนโด จึงควรเลือกฟิล์มที่มีคุณสมบัติกันความร้อนและรังสียูวีเป็นหลัก และช่วยประหยัดค่าไฟ ทำให้เราไม่ต้องเปิดแอร์บ่อย

ทั้งยังช่วยป้องกันไม่ให้รังสีความร้อน ผ่านเข้ามาในห้องพักทำให้เฟอร์นิเจอร์เสียหาย ในขณะเดียวกันก็ต้องมีสีสันที่สวยสบายตา เพื่อให้เราสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างชัดเจนสบายใจ ไม่ล้าดวงตา

หรือหากอยู่ในคอนโดที่หันหน้าเจอกับคอนโดอื่น เราก็อาจเลือกฟิล์มที่มี ความเข้มสูงเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับเรามากยิ่งขึ้นได้

ติดฟิล์มอาคาร ติดฟิล์มบ้าน ติดฟิล์มคอนโด จำเป็นต้องติดไหม?

ฟิล์มกรองแสงคืออะไร

ฟิล์มกรองแสงลดความร้อน ผลิตจากพลาสติกโพลีเอสเตอร์ที่มีคุณสมบัติเหนียว ใส เรียบ ยืดหยุ่นน้อย ไม่ดูดซับความชื้น มีความทนทานต่อสภาพอากาศทั้งสูงและต่ำได้เป็นอย่างดี ในเนื้อฟิล์มกรองแสง จะมีวัสดุที่ใช้เพื่อป้องกันความร้อน และรังสียูวี

โดยใช้เทคโนโลยี ในการผลิตเป็นชิ้น ๆ ผสานด้วยกาวพิเศษเพื่อการยึดเกาะได้อย่างเหนียวแน่น ซึ่งคุณสมบัติดังกล่าว จึงเหมาะที่จะนำไปเป็น ฟิล์มอาคาร ฟิล์มคอนโด ฟิล์มโรงแรม ฟิล์มรีสอร์ท ฟิล์มสำนักงาน ฟิล์มที่พักอาศัยและฟิล์มติดกระจกในสถานที่ต่างๆ

โดยปกติแล้วจะมีการเรียกความเข้มของฟิล์มกรองแสงว่า เป็นฟิล์มเข้มแบบ 40% 60% 80% ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ตัวเลข 40 60 80 ไม่ได้มีความหมายใดๆ ทางวิทยาศาสตร์ แต่เป็นความเข้าใจผิดของผู้บริโภค

ตั้งแต่สมัยก่อนที่ฟิล์มกรองแสงเข้ามายังตลาดรถยนต์เมืองไทยครั้งแรก ด้วยความที่ว่ามีตัวเลือกของความเข้มฟิล์มยังมีน้อย คนจึงเรียกฟิล์มที่มีความเข้มมากที่สุดว่าฟิล์ม 80% เข้มน้อยรองลงมาก็คือฟิล์ม 60% และเข้มน้อยสุด 40% เป็นแบบนี้เรื่อยมา จนมาถึงปัจจุบันนี้ก็ยังเรียกกันผิดๆ

ฟิล์มเข้ม 80 คือ ฟิล์มที่ยอมให้แสงส่องผ่าน ( VLT ) ได้ประมาณ 5 %
ฟิล์มเข้ม 60 คือ ฟิล์มที่ยอมให้แสงส่องผ่าน ( VLT ) ได้ประมาณ 20 %
ฟิล์มเข้ม 40 คือ ฟิล์มที่ยอมให้แสงส่องผ่าน ( VLT ) ได้ประมาณ 40-50 %

และถ้าใสกว่านี้โดยทั่วไปก็จะเรียกว่าฟิล์มใส

ความหมายของคำศัพท์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการ ติดฟิล์มกรองแสง

– ค่าแสงส่องผ่าน (Visible Light Trasmittance) ค่า VLT สูง = สามารถส่องผ่านได้มาก = ทำให้ห้องสว่าง

– การสะท้อนของแสง (Visible Light Reflectance) ค่า VLR สูง = มีปริมาณปรอทมาก = แสงสะท้อนได้มาก = สามารถลดความร้อนดี

– การป้องกันความร้อน (Infrared Light Rejection) ค่า IR สูง = สามารถลดความร้อนดี

– การลดรังสียูวี (UV Rejection) โดยปกติฟิล์มทุกชนิดจะสามารถป้องกัน UV ได้เท่ากันคือ 99%

หลายๆ คนยังเข้าใจผิดๆว่า ฟิล์มที่มีสีเข้มหรือทึบ ช่วยลดความร้อนได้ดี ในความจริงแล้ว สีหรือความทึบของฟิล์มกรองแสงไม่ได้เป็นตัวช่วยลดความร้อน แต่กลับเป็นสารเคลือบตัวอื่นๆ ที่ทำหน้าที่หลักนี้ต่างหาก 

ส่วนประกอบของความร้อนที่เราได้รับนั้นมีสัดส่วนและแบ่งเป็น 3 ส่วนคือ

1. ความสว่างของแสงมีสัดส่วน 44%
2. รังสีอินฟาเรด (รังสีใต้แดด) มีอยู่ 53%
3. รังสียูวี (รังสีเหนือม่วง,รังสีอุลตร้าไวโอเลต) มีอยู่ 3%

หากท่านติดฟิล์มกรองแสงที่มีความทึบแสงมากๆ แต่ฟิล์มกรองแสงนั้นๆ เป็นประเภทฟิล์มย้อมสีหรือเป็นฟิล์มกรองแสงที่ไม่ได้มีส่วนผสมของโลหะหรือ สารพิเศษใดๆ ท่านจะรู้สึกถึงความร้อนที่ผ่านชั้นผิวของฟิล์มกรองแสงเข้ามา นั่นก็คือฟิล์มกรองแสงนั้นๆสามารถลดได้แค่ความสว่างของแสงที่มีสัดส่วนอยู่ 44% แต่รังสีอินฟาเรดยังสามารถผ่านทะลุเข้ามาได้จนรู้สึกถึงความร้อน

ในทางกลับกันหากท่านติดฟิล์มกรองแสงที่มีส่วนผสมพิเศษไม่ว่าจะเป็นส่วนผสม ของโลหะหรืออื่นๆ แต่ฟิล์มกรองแสงนั้นๆ มีค่าความทึบแสงน้อย (แสงส่องผ่านเข้าไปได้เยอะ) ท่านก็จะรู้สึกถึงความร้อนจากความสว่างของแสงที่ส่องผ่านฟิล์มกรองแสงเข้ามา ส่วนรังสียูวีนั้นเป็นส่วนประกอบน้อยมากของความร้อน (3%) ซึ่งฟิล์มกรองแสงเกือบทั้งหมดสามารถลดรังสียูวีได้มากกว่า 99% อยู่แล้ว

ทำความรู้จักกับฟิล์มกรองแสงเพิ่มเติม  >> คลิกที่นี่<<


ประโยชน์ของการ ติดฟิล์มกรองแสง ลดความร้อนของอาคาร

1. ช่วยป้องกันความร้อนจากภายนอกอาคาร ไม่เข้าผ่านเข้าภายในอาคารทางกระจก สร้างบรรยากาศเย็นสบาย

2. ช่วยลดแสงจ้าของแดด แสงสะท้อนจากภายในอาคาร 

3. ช่วยป้องกันรังสี UV ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรงมะเร็งผิวหนังและทำร้ายเฟอร์นิเจอร์ภายในอาคาร ป้องกันผิวหมองคล้ำและการเกิดฝ้าริ้วรอย

4. สร้างความเป็นส่วนตัว โดยไม่บดบังทัศนียภาพ

5. ช่วยลดอันตรายจากการแตกกระจายของกระจก โดยฟิล์มจะยิดเกาะกระจกไม่ให้ร่วงกระจาย

6. สร้างความโดดเด่นทันสมัยให้แก่อาคารที่ติดฟิล์ม อาคารที่ติดฟิล์มกรองแสง จะมีความสวยงามโดดเด่นขึ้นมาจากเงางามของฟิล์มกรองแสงชนิดต่างๆ ซึ่งท่านสามารถเลือกสีของฟิล์ม เพื่อให้เหมาะกับอาคารหรือองค์กรของท่าน

7. ลดภาระค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้า เมื่อเราติดฟิล์มกระจกของตัวอาคารแล้ว การป้องกันไม่ให้ความร้อนผ่านเข้าไปนั้น ช่วยให้เครื่องปรับอากาศไม่ทำงานหนัก เพราะอุณหภูมิที่ลดลงจากการติดฟิล์มกันร้อนนั้น ทำให้ระบบปรับอากาศกินไฟน้อยลง สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าที่เกิดจากระบบปรับอากาศได้ 10-15%

สนใจ ติดฟิล์มกรองแสง คอนโด บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม สำนักงานออฟฟิต

สำหรับท่านที่สนใจติดฟิล์มกรองแสง ลดความร้อน ป้องกันรังสียูวี เพิ่มความเป็นส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นฟิล์มบ้าน ฟิล์มคอนโด ฟิล์มอาคาร ติดต่อโดยตรงได้ทางไลน์ Line ID : @365film

ทำไมต้องเลือก 365 Building film

  • ราคาสินค้าเริ่มต้น 70 บาท ต่อตารางฟุต
  • ติดตั้งเร็ว บ้านเดี่ยว คอนโด ภายใน 1 วัน
  • ติดโดยช่างมืออาชีพ ประสบการณ์สูง
  • บริการวัดพื้นที่ฟรี
  • สินค้ารับประกันสูงสุด 10 ปี
  • แก้งานติดตั้งฟรี ไม่คิดค่าใช้จ่าย

บริการให้คำปรึกษาก่อนการติดตั้ง ประเมินราคาฟรี!!

ดูผลงานการติดตั้ง